หน้าหลัก ติวสอบดอทคอม เว็บฟรีข้อสอบออนไลน์

หน้าหลัก ติวสอบดอทคอม เว็บฟรีข้อสอบออนไลน์
หน้าหลัก ติวสอบดอทคอม เว็บฟรีข้อสอบออนไลน์

ติวสอบดอทคอม

ติวสอบดอทคอม
เว็บฟรีข้อสอบออนไลน์

ติวสอบครูผู้ช่วย กรณีพิเศษ และ กรณีปกติ

ติวสอบครูผู้ช่วย กรณีพิเศษ และ กรณีปกติ
ติวสอบครูผู้ช่วย

เตรียมสอบผู้บริหาร

เตรียมสอบผู้บริหาร
เตรียมสอบผู้บริหาร

วันอาทิตย์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) คณะใหม่

คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) คณะใหม่

ตามมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม กำหนดให้มีคณะกรรมการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เรียกว่า "คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา" เรียกโดยย่อว่า ก.ค.ศ. ประกอบด้วย
1.รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธาน

2.ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นรองประธาน3.กรรมการโดยตำแหน่งจำนวน 8 คน ได้แก่ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เลขาธิการ ก.พ. เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา เลขาธิการคุรุสภา และเลขาธิการ ก.ค.ศ.
4.กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 9 คน ได้แก่ นายกิตติรัตน์ มัลคละคีรี นางเบญจวรรณ สร่างนิทร ศ.กิตติคุณ วิษณุ เครืองาม นายสมบัติ สุวรรณพิทักษ์ ภาครัฐ นายกิจสุวัฒน์ หงส์เจริญ นายสุชาติ วงศ์สุวรรณ นายมนัส แจ่มเวหา นายพันธุ์ศักดิ์ โรจนากาศ และนายอาวุธ วรรณวงศ์
5.กรรมการผู้แทนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ใน ก.ค.ศ. จำนวน 12 คน ได้แก่ นายบุญรักษ์ ยอดเพชร ผู้แทน ผอ.สพท.ประถมศึกษา นายอานนท์ สุขภาคกิจ ผู้แทน ผอ.สพท.มัธยมศึกษา นายบุญฤทธิ์ ไชยบุตร ผู้แทน ผอ.สถานศึกษา ประถมศึกษา นายรัชชัยย์ ศรสุวรรณ ผู้แทน ผอ.สถานศึกษา มัธยมศึกษา นายกิตติศักดิ์ บุญดาว ผู้แทนครู ประถมศึกษา นางสุนทรีย์ ทองอินทร์ ผู้แทนครู ประถมศึกษา นายออน กาจกระโทก ผู้แทนครู ประถมศึกษา นายสงกรานต์ จันทร์น้อย ผู้แทนครูมัธยมศึกษา นายพรรษา ฉายกล้า ผู้แทนครูสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา นายจิรพจน์ จึงบรรเจิดศักดิ์ ผู้แทนครูสังกัดอื่น (สังกัดกระทรวงวัฒนธรรม) นายชาญ คำภิระแปง ผู้แทนบุคลากรทางการศึกษาอื่น สายประถมศึกษา และนายสุทธิพร ไชยพิเดช ผู้แทนบุคลากรทางการศึกษาอื่น สายมัธยมศึกษา
คณะกรรมการทั้ง 31 คนนี้ ได้เข้าปฏิบัติหน้าที่แล้ว และจะปฏิบัติหน้าที่ต่อไปนับจากนี้ 4 ปี เพื่อร่วมกันพัฒนาประสิทธิภาพการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาให้มีคุณภาพ เสริมสร้างและพัฒนาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เพื่อส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนให้เป็นพลเมืองที่มีความรู้ มีศักยภาพในการพัฒนาประเทศในอนาคต แล้วพบกันสัปดาห์หน้าค่ะ
ศิริพร กิจเกื้อกูล
เลขาธิการ ก.ค.ศ.
ที่มา : มติชน ฉบับวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2557

อัพเดทเรื่องราว - ข้อสอบใหม่ ๆ  เข้าห้องสอบออนไลน์ ( ฟรี)


     เน็ตช้า ... คลิ๊กที่  http://tuewsob.blogspot.com
ห้องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

... ห้องติวสอบผู้บริหาร + การศึกษาพิเศษ +  การศึกษานอกระบบ (กศน.)


ห้อง ... ครูวิชาเอก  ห้อง 1  คลิ๊กที่ http://tuewsobkru.blogspot.com

ห้อง ... ครูวิชาเอก  ห้อง 2  คลิ๊กที่ http://tuewsob2011.blogspot.com

ฟรี... ห้องติวสอบผู้บริหารสถานศึกษา-ครู-บุคลากรการศึกษา  ที่ 
" ติวสอบดอทคอม "  เขียน-สร้าง-บรรยาย โดย  (ผอ.นิกร  เพ็งลี)

บุคคลคนเดียวสามารถดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการสองฐานะได้หรือไม่และต้องดำเนินการอย่างไร

บุคคลคนเดียวสามารถดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการสองฐานะได้หรือไม่และต้องดำเนินการอย่างไร

โดยมีเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาแห่งหนึ่งว่าคณะกรรมการคัดเลือกผู้ทรงคุณวุฒิใน อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา ซึ่งตามกฎหมายประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน ประธานคณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษา ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ผู้แทนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา จำนวนสามคนเป็นกรรมการ และให้รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาที่รับผิดชอบด้านการบริหารงานบุคคล เป็นกรรมการและเลขานุการ ปรากฏว่าผู้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดและประธานคณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษา เป็นบุคคลคนเดียวกัน เกิดปัญหาว่า การดำเนินการของคณะกรรมการดังกล่าวโดยมีบุคคลคนเดียวกันดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการสองฐานะเช่นนี้ จะต้องดำเนินการอย่างไร นับคะแนนเสียงอย่างไร รวมถึงจะมอบหมายผู้แทนเพื่อเข้าร่วมประชุมในฐานะกรรมการในอีกตำแหน่งหนึ่งได้หรือไม่
เรื่องนี้เทียบเคียงได้ตามแนววินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกา ตามบันทึกเรื่องเสร็จที่ 585/2543 ดังนี้ (1) เมื่อบุคคลใดเข้ามาดำรงตำแหน่งตามที่กฎหมายกำหนดไว้ บุคคลนั้นจะมีฐานะเป็นกรรมการโดยตำแหน่งในคณะกรรมการทันที ดังนั้น เมื่อกรรมการโดยตำแหน่งเป็นบุคคลคนเดียวกันสองตำแหน่ง บุคคลนั้นจึงต้องปฏิบัติหน้าที่และมีฐานะเป็นกรรมการโดยตำแหน่งทั้งสองตำแหน่ง (2) เมื่อบุคคลนั้นอยู่ในตำแหน่งกรรมการได้ทั้งสองตำแหน่ง การนับคะแนนเสียงจะต้องพิจารณาถึงความประสงค์ว่า จะเข้าร่วมประชุมในฐานะใด ถ้าเข้าร่วมประชุมในฐานะกรรมการใดกรรมการหนึ่งก็จะต้องนับคะแนนเสียงเพียงหนึ่งเสียง และหากเข้าร่วมประชุมในฐานะกรรมการทั้งสองตำแหน่งก็นับคะแนนเสียงเป็นจำนวนสองเสียง (3) กรณีที่กฎหมายมิได้กำหนดให้กรรมการโดยตำแหน่งสามารถมอบหมายผู้แทนเพื่อเข้าร่วมประชุมในฐานะกรรมการได้ แต่ได้มีการมอบหมายให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งไปปฏิบัติหน้าที่แทนในฐานะกรรมการอีกตำแหน่งหนึ่ง ก็ไม่สามารถนำมานับเป็นองค์ประชุมได้
เรื่องที่นำเสนอวันนี้คิดว่าคงพอเป็นประโยชน์กับเพื่อนครู และบุคลากรทางการศึกษาที่ปฏิบัติงานและอาจเจอประเด็น ปัญหาในลักษณะเดียวกันนี้ได้บ้างนะคะ แล้วพบกันใหม่จันทร์หน้าค่ะ
ศิริพร กิจเกื้อกูล
เลขาธิการ ก.ค.ศ.

อัพเดทเรื่องราว - ข้อสอบใหม่ ๆ  เข้าห้องสอบออนไลน์ ( ฟรี)


     เน็ตช้า ... คลิ๊กที่  http://tuewsob.blogspot.com
ห้องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

... ห้องติวสอบผู้บริหาร + การศึกษาพิเศษ +  การศึกษานอกระบบ (กศน.)


ห้อง ... ครูวิชาเอก  ห้อง 1  คลิ๊กที่ http://tuewsobkru.blogspot.com

ห้อง ... ครูวิชาเอก  ห้อง 2  คลิ๊กที่ http://tuewsob2011.blogspot.com

ฟรี... ห้องติวสอบผู้บริหารสถานศึกษา-ครู-บุคลากรการศึกษา  ที่ 
" ติวสอบดอทคอม "  เขียน-สร้าง-บรรยาย โดย  (ผอ.นิกร  เพ็งลี)

จะเพิ่มโทษทางวินัย ต้องดำเนินการอย่างไร

จะเพิ่มโทษทางวินัย ต้องดำเนินการอย่างไร

นาย ถ. ตำแหน่งครูโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ถูกกล่าวหาว่า กระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงในเรื่องมีความสัมพันธ์ทางชู้สาวกับนางสาว น. นักเรียนในโรงเรียนถึงขั้นได้เสีย และทำร้ายร่างกายนางสาว น. ผู้บังคับบัญชาผู้มีอำนาจตามมาตรา 53 มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง แจ้งข้อกล่าวหาตามแบบ สว.2 และสอบสวนแล้วแจ้งให้นาย ถ. ทราบ ตามแบบ สว.3 ว่า ไม่ปรากฏพยานหลักฐานชี้ชัดว่ามีความสัมพันธ์ทางชู้สาวกับนางสาว น. แต่ประการใด แต่ทำร้ายร่างกายจริง พฤติการณ์เป็นเพียงความผิดวินัยไม่ร้ายแรงตามมาตรา 94 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2557 นาย ถ.รับทราบแล้วไม่ประสงค์จะแก้ข้อกล่าวหาแต่ประการใด คณะกรรมการสอบสวนเห็นสมควรลงโทษลดขั้นเงินเดือน 1 ขั้น ผู้บังคับบัญชาเห็นชอบจึงสั่งลงโทษลดขั้นเงินเดือน นาย ถ. 1 ขั้น นาย ถ.ไม่อุทธรณ์คำสั่งลงโทษลดขั้นเงินเดือน 1 ขั้น
ในชั้นรายงานการดำเนินการทางวินัย มิได้ดำเนินการประการใดเพิ่มเติม แต่มีมติให้เพิ่มโทษนาย ถ. จากโทษลดขั้นเงินเดือน 1 ขั้น เป็นโทษไล่ออกจากราชการ นาย ถ.อุทธรณ์คำสั่งเพิ่มโทษต่อ ก.ค.ศ.
มีปัญหาจำต้องวินิจฉัยว่าคำสั่งเพิ่มโทษนาย ถ.ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ก.ค.ศ.พิจารณาแล้วเห็นว่า กฎ ก.ค.ศ.ว่าด้วยการสอบสวนพิจารณา พ.ศ.2550 ข้อ 42 กำหนดไว้โดยชัดแจ้งว่า "การพิจารณาพยานหลักฐานว่าผู้ถูกกล่าวหากระทำผิดวินัยหรือไม่ อย่างไร ให้พิจารณาจากพยานหลักฐานในสำนวนการสอบสวน และต้องเป็นพยานหลักฐานที่ได้สรุปแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบแล้วเท่านั้น" จึงถือได้ว่ามิได้ดำเนินการอธิบายข้อกล่าวหา และแจ้งข้อกล่าวหาและสรุปพยานหลักฐานที่สนับสนุนข้อกล่าวหาในฐานความผิดตามมาตรา 94 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติเดียวกัน กรณีกระทำการล่วงละเมิดทางเพศต่อผู้เรียนหรือนักศึกษาไม่ว่าจะอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของตนหรือไม่ ตามข้อ 24 ของกฎ ก.ค.ศ.ว่าด้วยการสอบสวนพิจารณา พ.ศ.2550 และขัดกับมาตรา 30 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539
กล่าวโดยสรุป การที่มิได้ดำเนินการดังกล่าวข้างต้นเสียก่อนที่จะมีคำสั่งเพิ่มโทษนาย ถ. ผู้อุทธรณ์ถือเป็นขั้นตอนและวิธีการอันเป็นสาระสำคัญที่กำหนดไว้ในการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรง ซึ่งบุคคลจะต้องรับโทษหนักขึ้นโดยอาศัยข้อเท็จจริงใด บุคคลนั้นจะต้องได้รู้ข้อเท็จจริงนั้น ดังนั้น จึงเป็นกระบวนการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรงแก่ผู้อุทธรณ์ที่บกพร่องและไม่ชอบด้วยกฎหมาย คำสั่งเพิ่มโทษ ผู้อุทธรณ์จากโทษลดขั้นเงินเดือน 1 ขั้น เป็นโทษไล่ออกจากราชการจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงมีมติให้ผู้บังคับบัญชาเพิกถอนคำสั่งเพิ่มโทษ ผู้อุทธรณ์ และสั่งให้ผู้อุทธรณ์กลับเข้ารับราชการ แล้วให้ผู้บังคับบัญชาไปดำเนินการทางวินัยแก่ ผู้อุทธรณ์ตั้งแต่ขั้นอธิบายข้อกล่าวหาและแจ้งข้อกล่าวหาและสรุปพยานหลักฐานที่สนับสนุนข้อกล่าวหา (สว.3) ในฐานความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 94 วรรคสาม และต้องให้โอกาสผู้อุทธรณ์ที่จะชี้แจงให้ถ้อยคำและนำสืบแก้ข้อกล่าวหาตามที่กำหนดไว้ในข้อ 24 ของกฎ ก.ค.ศ.ดังกล่าว พร้อมทั้งสอบพยานและ รวบรวมพยานหลักฐานที่เห็นว่าจำเป็น (เพิ่มเติม) เพื่อที่จะพิสูจน์ให้เห็นความผิดหรือความบริสุทธิ์ของผู้อุทธรณ์ให้แจ้งชัดโดยสิ้นกระแสความเสียใหม่ แล้วดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายต่อไป
สำหรับบทความวันนี้คงจะเป็นประโยชน์ต่อเจ้าหน้าที่และผู้ปฏิบัติงานในเรื่องดังกล่าวนะคะ แล้วพบกันใหม่วันจันทร์หน้าค่ะ
ศิริพร กิจเกื้อกูล
เลขาธิการ ก.ค.ศ.
ที่มา : มติชน ฉบับวันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2557

อัพเดทเรื่องราว - ข้อสอบใหม่ ๆ  เข้าห้องสอบออนไลน์ ( ฟรี)


     เน็ตช้า ... คลิ๊กที่  http://tuewsob.blogspot.com
ห้องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

... ห้องติวสอบผู้บริหาร + การศึกษาพิเศษ +  การศึกษานอกระบบ (กศน.)


ห้อง ... ครูวิชาเอก  ห้อง 1  คลิ๊กที่ http://tuewsobkru.blogspot.com

ห้อง ... ครูวิชาเอก  ห้อง 2  คลิ๊กที่ http://tuewsob2011.blogspot.com

ฟรี... ห้องติวสอบผู้บริหารสถานศึกษา-ครู-บุคลากรการศึกษา  ที่ 
" ติวสอบดอทคอม "  เขียน-สร้าง-บรรยาย โดย  (ผอ.นิกร  เพ็งลี)

ม.157 เจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

ม.157 เจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

ความผิดตามมาตรา 157 แห่งประมวลกฎหมายอาญา อยู่ในหมวด ว่าด้วยความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ดังนั้น ผู้ที่จะกระทำความผิดตามมาตรานี้ได้จะต้องเป็นเจ้าพนักงาน หมายความว่าผู้นั้นต้องเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยได้รับการแต่งตั้งตามกฎหมาย บุคคลอื่นที่มิได้เป็นเจ้าพนักงานย่อมไม่เข้าองค์ประกอบที่จะเป็นผู้กระทำความผิดตามมาตรานี้ได้ ตามมาตรานี้แยกพิจารณาได้เป็นสองส่วน คือ ส่วนที่หนึ่ง เจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด คำว่า "โดยมิชอบ" หมายความถึงโดยมิชอบด้วยหน้าที่ซึ่งเจ้าพนักงานมีอยู่ตามกฎหมาย ถ้าสิ่งที่ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติมิได้เป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานผู้นั้นก็ไม่เป็นความผิดตามมาตรานี้ เช่น ตำรวจไปเบิกความเป็นพยานที่ศาล การเบิกความของตำรวจมิใช่หน้าที่ราชการหรือหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายโดยตรงของตน แม้เบิกความเท็จก็ไม่ผิดมาตรา 157 (ฎีกาที่ 1033/2533) และต้องกระทำโดยมีเจตนาพิเศษเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ความเสียหายที่เกิดขึ้นนี้มิได้จำกัดเฉพาะในทางทรัพย์สินเท่านั้น อาจเป็นความเสียหายต่อชื่อเสียงหรือเสรีภาพก็ได้ เช่น ตำรวจแกล้งจับผู้เสียหายอ้างว่ากระทำผิดฐานเมาสุราอาละวาดทั้งที่ไม่เป็นความจริง (ฎีกาที่ 2444/2521) ส่วนที่สอง เจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต คำว่า "โดยทุจริต" หมายความว่ากระทำหรือละเว้นการกระทำตามหน้าที่เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น เช่น ตำรวจพบเลื่อยวงเดือนซุกซ่อนไว้เป็นเครื่องมือเพื่อกระทำผิด ตำรวจยึดมาเพื่อเป็นของกลางแล้วเรียกเงินจากเจ้าของจึงคืนเลื่อยให้เจ้าของ (ฎีกาที่ 726/2524)
มาตรา 157 เป็นบทบัญญัติที่มีโทษทางอาญาและมีการฟ้องร้องคดีกันบ่อยครั้ง และนับว่ามีความเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ราชการของเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่หากทุกท่านปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต มิได้ใช้อำนาจในตำแหน่งแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมายหรือกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดก็ย่อมไม่เป็นความผิดตามมาตรา 157 นี้ แต่กรณีจะเป็นความผิดตามกฎหมายอื่นหรือไม่นั้นก็คงต้องพิจารณาข้อเท็จจริงเป็นรายกรณีไป แล้วพบกันใหม่จันทร์หน้าค่ะ
ศิริพร กิจเกื้อกูล
เลขาธิการ ก.ค.ศ.
ที่มา : มติชน ฉบับวันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2557

อัพเดทเรื่องราว - ข้อสอบใหม่ ๆ  เข้าห้องสอบออนไลน์ ( ฟรี)


     เน็ตช้า ... คลิ๊กที่  http://tuewsob.blogspot.com
ห้องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

... ห้องติวสอบผู้บริหาร + การศึกษาพิเศษ +  การศึกษานอกระบบ (กศน.)


ห้อง ... ครูวิชาเอก  ห้อง 1  คลิ๊กที่ http://tuewsobkru.blogspot.com

ห้อง ... ครูวิชาเอก  ห้อง 2  คลิ๊กที่ http://tuewsob2011.blogspot.com

ฟรี... ห้องติวสอบผู้บริหารสถานศึกษา-ครู-บุคลากรการศึกษา  ที่ 
" ติวสอบดอทคอม "  เขียน-สร้าง-บรรยาย โดย  (ผอ.นิกร  เพ็งลี)

วันอาทิตย์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2557

การปฏิบัติหน้าที่ในสหกรณ์ออมทรัพย์ครู...เป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการหรือไม่

การปฏิบัติหน้าที่ในสหกรณ์ออมทรัพย์ครู...เป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการหรือไม่

สวัสดีค่ะ เพื่อนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกท่าน สถานี ก.ค.ศ. จันทร์นี้ขอเสนอกรณีการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในสหกรณ์ออมทรัพย์ครู ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งประธานกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์ คณะกรรมการดำเนินการ หรือผู้ตรวจสอบกิจการสหกรณ์ หากปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่สหกรณ์ หลายคนอาจสงสัยว่ากรณีนี้จะถือว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ และอาจเป็นเหตุให้ถูกดำเนินการทางวินัยได้หรือไม่
เรื่องนี้มีแนววินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกาว่า การจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ พ.ศ.2547 มีวัตถุประสงค์ในการช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกให้แก่ข้าราชการเพื่อประโยชน์แก่การดำรงชีพนอกเหนือจากสวัสดิการที่ทางราชการจัดให้แก่ข้าราชการเป็นกรณีปกติหรือเพื่อประโยชน์แก่การสนับสนุนการปฏิบัติราชการ โดยเป็นหน้าที่ของหัวหน้าส่วนราชการในการริเริ่ม ดำเนินการ หรือสนับสนุนให้มีการดำเนินการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ นอกจากนี้ ในกรณีที่มีการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามกฎหมายใดเป็นการเฉพาะ การดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับสวัสดิการก็ยังคงต้องอยู่ในบังคับของระเบียบนี้เท่าที่ไม่ขัดแย้งกับกฎหมายเฉพาะนั้นด้วย ดังนั้น การจัดสวัสดิการของข้าราชการไม่ว่าจะเป็นการจัดตั้งขึ้นตามหลักเกณฑ์ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ พ.ศ.2547 หรือตามกฎหมายเฉพาะ จึงถือว่าเป็นการจัดสวัสดิการข้าราชการเช่นเดียวกันและย่อมได้รับการสนับสนุนหรือการอำนวยความสะดวกจากส่วนราชการด้วยกันทั้งสิ้น ด้วยเหตุนี้การจัดตั้งสหกรณ์ออมทรัพย์ของข้าราชการครู แม้ว่าจะจัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ.2542 แต่ก็เป็นการจัดตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือข้าราชการและลูกจ้างของส่วนราชการในการดำรงชีพนั่นเอง จึงอยู่ในความหมายของการจัดสวัสดิการข้าราชการ และข้าราชการผู้ปฏิบัติงานเป็นกรรมการของสหกรณ์ออมทรัพย์ย่อมเป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วย ดังนั้น ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่มีตำแหน่งและปฏิบัติหน้าที่ในสหกรณ์ออมทรัพย์ครู จึงถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วย
ดังนั้น เพื่อนครูท่านใดที่ปฏิบัติหน้าที่ในสหกรณ์ออมทรัพย์ครู จึงควรตระหนักไว้เสมอว่าการปฏิบัติหน้าที่ของท่านในสหกรณ์ออมทรัพย์ครูมีความสำคัญยิ่ง หากท่านปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตหรือประมาทเลินเล่อ ก่อให้เกิดความเสียหาย นั่นย่อมส่งผลต่อหน้าที่ราชการของท่านและอาจเป็นเหตุให้ท่านถูกดำเนินการทางวินัยได้อย่างแน่นอน แล้วพบกันใหม่วันจันทร์หน้าค่ะ
ศิริพร กิจเกื้อกูล
เลขาธิการ ก.ค.ศ.
ที่มา : มติชน ฉบับวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2557

อัพเดทเรื่องราว - ข้อสอบใหม่ ๆ 

เข้าห้องสอบออนไลน์ ( ฟรี)

เน็ตช้า ... คลิ๊กที่  http://tuewsob.blogspot.com
ห้องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

... ห้องติวสอบผู้บริหาร + การศึกษาพิเศษ +  การศึกษานอกระบบ (กศน.)


ห้อง ... ครูวิชาเอก  ห้อง 1  คลิ๊กที่ http://tuewsobkru.blogspot.com

ห้อง ... ครูวิชาเอก  ห้อง 2  คลิ๊กที่ http://tuewsob2011.blogspot.com

ฟรี... ห้องติวสอบผู้บริหารสถานศึกษา-ครู-บุคลากรการศึกษา  ที่ 
" ติวสอบดอทคอม "  เขียน-สร้าง-บรรยาย โดย  (ผอ.นิกร  เพ็งลี)

การเลือกตั้งอนุกก.ผู้แทนขรก.ครูและบุคลากรทางการศึกษาใน อ.ก.ค.ศ. สป.

การเลือกตั้งอนุกก.ผู้แทนขรก.ครูและบุคลากรทางการศึกษาใน อ.ก.ค.ศ. สป.

ในส่วนของ อ.ก.ค.ศ. สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการได้มอบสำนักงาน ก.ค.ศ. ดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งอนุกรรมการฯ โดยปลัดกระทรวงศึกษาธิการได้ลงนามในประกาศสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ลงวันที่ 4 กันยายน 2557 เรื่องการรับสมัครเข้ารับเลือกตั้งเป็นอนุกรรมการผู้แทนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา และเรื่องการกำหนดรายละเอียดและวิธีการเลือกตั้งอนุกรรมการผู้แทนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาใน อ.ก.ค.ศ. สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ทั้งนี้ ได้กำหนดสัดส่วนและจำนวนตามกลุ่มอนุกรรมการผู้แทนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งมาจากการเลือกตั้ง ดังนี้ 1.กลุ่มอนุกรรมการผู้แทนข้าราชการครู จำนวน 2 คน 2.กลุ่มอนุกรรมการผู้แทนผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 1 คน 3.กลุ่มอนุกรรมการผู้แทนผู้บริหารการศึกษา จำนวน 1 คน 4.กลุ่มอนุกรรมการผู้แทนบุคลากรทางการศึกษาอื่น จำนวน 1 คน พร้อมทั้งตั้งคณะกรรมการเลือกตั้งประจำสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และตั้งคณะกรรมการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้ง เพื่อดำเนินการในเรื่องดังกล่าว โดยกำหนดให้สำนักงาน กศน. จังหวัด/กทม. เป็นเขตเลือกตั้ง
สำหรับการเลือกตั้งอนุกรรมการผู้แทนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาใน อ.ก.ค.ศ. สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการนั้น ได้กำหนดให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 27 กันยายน 2557 โดยเปิดรับสมัครผู้ประสงค์จะสมัครเข้ารับการเลือกตั้งเป็นอนุกรรมการผู้แทนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาใน อ.ก.ค.ศ. สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ในวันที่ 9-12 กันยายน พ.ศ.2557 เวลา 08.30-15.00 น. ณ ศูนย์การเรียนรู้ สำนักงาน ก.ค.ศ. อาคารรัชมังคลาภิเษก ชั้น 5 กระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งสามารถดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่ www.otepc.go.th หรือรับใบสมัครได้ด้วยตนเองที่สำนักงาน ก.ค.ศ. ทั้งนี้ ผู้มีสิทธิสมัครเข้ารับเลือกตั้งเป็นอนุกรรมการผู้แทนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติตามข้อ 6 ข้อ 7 และข้อ 8 ของการกำหนดคุณสมบัติ หลักเกณฑ์ และวิธีการได้มา วาระการดำรงตำแหน่งและการพ้นจากตำแหน่งของอนุกรรมการใน อ.ก.ค.ศ. ที่ ก.ค.ศ. ตั้งในส่วนราชการ พ.ศ.2552 และที่แก้ไขเพิ่มเติม แล้วแต่กรณีซึ่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกหน่วยงานในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการที่มีคุณสมบัติดังกล่าว สามารถสมัครเข้ารับเลือกตั้งเพื่อเป็นอนุกรรมการ ผู้แทนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาใน อ.ก.ค.ศ. สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการได้ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการจะตรวจสอบและวินิจฉัยคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครเข้ารับเลือกตั้ง และประกาศรายชื่อและหมายเลขประจำตัวผู้มีสิทธิเข้ารับการเลือกตั้ง ณ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (สำนักงาน ก.ค.ศ.) และหน่วยเลือกตั้งในวันที่ 16 กันยายน 2557
จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ผู้สนใจและมีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์ สมัครเข้ารับการเลือกตั้งได้ที่สำนักงาน ก.ค.ศ. ตั้งแต่วันที่ 9-12 กันยายน 2557 นี้ แล้วพบกันใหม่วันจันทร์หน้านะคะ
ศิริพร กิจเกื้อกูล
เลขาธิการ ก.ค.ศ.
ที่มา : มติชน ฉบับวันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2557

อัพเดทเรื่องราว - ข้อสอบใหม่ ๆ 

เข้าห้องสอบออนไลน์ ( ฟรี)

เน็ตช้า ... คลิ๊กที่  http://tuewsob.blogspot.com
ห้องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

... ห้องติวสอบผู้บริหาร + การศึกษาพิเศษ +  การศึกษานอกระบบ (กศน.)


ห้อง ... ครูวิชาเอก  ห้อง 1  คลิ๊กที่ http://tuewsobkru.blogspot.com

ห้อง ... ครูวิชาเอก  ห้อง 2  คลิ๊กที่ http://tuewsob2011.blogspot.com

ฟรี... ห้องติวสอบผู้บริหารสถานศึกษา-ครู-บุคลากรการศึกษา  ที่ 
" ติวสอบดอทคอม "  เขียน-สร้าง-บรรยาย โดย  (ผอ.นิกร  เพ็งลี)

กฎ/ระเบียบ/เรื่องใหม่ จาก สพร.

ประกาศ / เรื่องใหม่ จาก สพป.และ สพม.ทั่วประเทศ