หน้าหลัก ติวสอบดอทคอม เว็บฟรีข้อสอบออนไลน์

หน้าหลัก ติวสอบดอทคอม เว็บฟรีข้อสอบออนไลน์
หน้าหลัก ติวสอบดอทคอม เว็บฟรีข้อสอบออนไลน์

ติวสอบดอทคอม

ติวสอบดอทคอม
เว็บฟรีข้อสอบออนไลน์

ติวสอบครูผู้ช่วย กรณีพิเศษ และ กรณีปกติ

ติวสอบครูผู้ช่วย กรณีพิเศษ และ กรณีปกติ
ติวสอบครูผู้ช่วย

เตรียมสอบผู้บริหาร

เตรียมสอบผู้บริหาร
เตรียมสอบผู้บริหาร

วันเสาร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ข้าราชการครูเรียกรับเงินจากผู้อื่นเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง

สถานี ก.ค.ศ.
ข้าราชการครูเรียกรับเงินจากผู้อื่นเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง

สัปดาห์ที่แล้วได้นำกรณีตัวอย่างความผิดวินัยของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ที่เกี่ยวข้องกับการเบิกจ่ายเงินงบประมาณไปใช้จ่ายที่ผิดระเบียบของทางราชการ ในสัปดาห์นี้จะนำกรณีความผิดวินัยเกี่ยวกับการเรียกรับเงินมาให้ความรู้ต่อเนื่องอีกหนึ่งตัวอย่าง ดังนี้
นายเขียว ข้าราชการครูสังกัดส่วนราชการแห่งหนึ่ง มีความประสงค์จะขอโอนมารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในวิทยาลัยเทคนิค สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ซึ่งนายเขียวได้รู้จักนางดำ เพื่อนบ้านซึ่งเป็นข้าราชการครูวิทยาลัยแห่งหนึ่ง สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา จึงไปขอคำแนะนำเกี่ยวกับการยื่นเรื่องขอโอน นางดำได้บอกกับนายเขียวว่า หากจ่ายให้กับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง 60,000 บาท ก็จะได้รับการพิจารณาให้โอนได้ภายใน 1 ปี นายเขียวตอบตกลง โดยจะจ่ายให้ก่อนครึ่งหนึ่ง หากได้รับการพิจารณาให้โอนได้จะจ่ายให้อีกครึ่งหนึ่ง ต่อมานายเขียวได้ไปยื่นคำร้องขอโอนย้ายที่วิทยาลัยเทคนิค และได้โอนเงินให้กับนางดำ จำนวน 20,000 บาท หลังจากนั้นจึงโทรศัพท์บอกกับนางดำว่าได้โอนเงินให้แล้ว ซึ่งนางดำบอกให้โอนเพิ่มอีก 10,000 บาท เพราะต้องนำไปให้ทีมงาน คือ นายขาว ตำแหน่งศึกษานิเทศก์ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เพื่อเป็นค่าดำเนินการ อีกสองวันถัดมา นายเขียวจึงไปโอนเงินให้นางดำเพิ่มอีก 10,000 บาท หลังจากนั้น นายเขียวจะโทรศัพท์สอบถามความคืบหน้าจากนางดำอยู่เป็นระยะๆ ซึ่งนางดำบอกว่าได้รับเงินแล้ว และได้จ่ายให้นายขาว เพื่อเป็นค่าประสานงานเรียบร้อยแล้ว และเมื่อนายเขียวโทรไปสอบถามนายขาว นายขาวก็บ่ายเบี่ยงตลอด จนเวลาได้ล่วงเลยไปเกือบ 6 เดือนแล้ว นายเขียวไม่ได้รับการติดต่อจากนางดำและนายขาวอีกเลย นายเขียวจึงทราบว่าตนถูกหลอก จึงไปร้องเรียนต่อเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เมื่อนางดำทราบเรื่องจึงได้รีบโอนเงินจำนวน 30,000 บาท คืนให้แก่นายเขียว โดยอ้างว่านายเขียวโอนเงินให้แก่ตนเองโดยมิชอบ เมื่อทราบเรื่องจึงได้รีบโอนเงินคืน จากการสอบสวนข้อเท็จจริงได้ความว่า นางดำและนายขาวมีพฤติการณ์ร่วมกันใช้กลอุบายหลอกลวงนางเขียวให้หลงเชื่อ ว่าสามารถช่วยเหลือให้โอนมารับราชการเป็นข้าราชการครู ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาได้ โดยเรียกรับเงินเป็นข้อตอบแทนในการดำเนินการดังกล่าว ผู้บังคับบัญชาพิจารณาแล้วเห็นว่าพฤติการณ์เป็นความผิดวินัยไม่ร้ายแรง กรณีไม่รักษาชื่อเสียงและเกียรติศักดิ์ของตำแหน่งหน้าที่ราชการของตนมิให้เสื่อมเสีย โดยกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่ว ตามมาตรา 94 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษาจึงสั่งลงโทษลดขั้นเงินเดือนคนละ 1 ขั้น และรายงาน ก.ค.ศ.  เพื่อพิจารณาต่อไป
สำนักงาน ก.ค.ศ. ได้นำเรื่องดังกล่าวเสนอต่อ อ.ก.ค.ศ.วิสามัญเกี่ยวกับวินัยและการออกจากราชการ (ซึ่งทำการแทน ก.ค.ศ.) เพื่อพิจารณาแล้วเห็นว่า พฤติการณ์ของนางดำและนายขาวเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 94 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 กรณีกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง การที่ผู้บังคับบัญชาสั่งลงโทษลดขั้นเงินเดือนคนละ 1 ขั้น นั้น ยังไม่เป็นการถูกต้องและเหมาะสมแก่กรณีความผิด จึงมีมติให้ผู้บังคับบัญชามีคำสั่งเพิ่มโทษจากลดขั้นเงินเดือนคนละ 1 ขั้น เป็นโทษปลดออกจากราชการทั้งสองราย
ดังนั้น จึงขอให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกท่านได้ตระหนักถึงวินัยและการรักษาวินัยของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาอย่างเคร่งครัด แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้า

พินิจศักดิ์  สุวรรณรังค์
เลขาธิการ ก.ค.ศ.

ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชนฉบับวันจันทร์ ที่ 7 ธันวาคม 2558

วันอังคารที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2558

วินัยข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา

เรื่องใหม่น่าสนใจ 

- พรบ.เงินเดือนใหม่ข้าราชการครูฯ พ.ศ.2558

-ก.ค.ศ.เห็นชอบหลักเกณฑ์เลื่อนวิทยฐานะตามข้อตกลงในการพัฒนางาน (P.A.)

              ข้อสอบออนไลน์ ( สอบครู - ผู้บริหาร - บุคลากรการศึกษาชุดใหม่  โดย  อ.นิกร 




 เตรียมสอบ บน ยูทูป ทั้งหมด ได้ที่

 ติวสอบ บน ยูทูป


   คลิ๊ก ) สมัครพัฒนาความรู้
เตรียมสอบผู้บริหารสถานศึกษา (รอบ 2)

วินัยข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา

พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 หมวด 6 ได้กำหนดวินัยและการรักษาวินัยของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาไว้ เพื่อให้ทราบถึงข้อห้ามและข้อปฏิบัติต่างๆ สัปดาห์นี้จะนำเรื่องความผิดวินัยเกี่ยวกับการเงินและบัญชี ที่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาไม่ควรปฏิบัติ มาให้ความรู้ ดังนี้
เรื่องมีอยู่ว่า นายเฉลิม (นามสมมติ) ตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียน ได้ทำเรื่องขอยืมเงินทดรองราชการ และอนุมัติการยืมเงินด้วยตนเอง ทำการเบิกถอนเงินงบประมาณของโรงเรียนออกไปอย่างต่อเนื่อง โดยไม่มีแผนงานหรือโครงการรองรับ จำนวน 24 สัญญา รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 840,261 บาท บางวันยืมต่อเนื่องในวันเดียวกันถึง 6 สัญญา ทั้งที่เจ้าหน้าที่การเงินทักท้วงแล้ว  แต่นายเฉลิมก็ยังอนุมัติเงินยืมให้กับตนเองอีก และเมื่อยืมไปแล้วก็ไม่ปรากฏพยานหลักฐานว่า นายเฉลิมได้นำเงินงบประมาณดังกล่าวไปใช้จ่ายในโครงการหรือแผนงานใดของโรงเรียน บางครั้ง มีการจัดทำโครงการใหม่ ซึ่งไม่สอดคล้องกับแผนงานหรือโครงการของโรงเรียน การยืมเงินทดรองราชการดังกล่าวของนายเฉลิมจึงไม่โปร่งใส เนื่องจากผู้บริหารโรงเรียนดำเนินการเองทั้งหมด เจ้าหน้าที่การเงินก็จะต้องทำตามที่ผู้บริหารโรงเรียนสั่งการ ซึ่งเมื่อยืมเงินทดรองราชการไปแล้ว เมื่อถึงกำหนดการส่งใช้เงินยืมหรือส่งเอกสารหลักฐานเพื่อล้างหนี้เงินยืม นายเฉลิม กลับไม่ดำเนินการใดๆ แต่ยังคงทำสัญญายืมเงินและอนุมัติเงินยืมให้กับตนเองอีก ซึ่งเมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าตามสัญญายืมเงิน โรงเรียนได้จัดกิจกรรมซ้อนกันในวันเดียวถึง 6 กิจกรรม ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาจึงตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงนายเฉลิมเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว โดยนายเฉลิมรับสารภาพว่าได้กระทำการเช่นนี้จริง และต่อมาได้ทยอยนำเงินมาคืนให้กับทางราชการ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาได้นำเรื่องนี้เสนอต่อ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา เพื่อพิจารณาดำเนินการทางวินัยแก่นายเฉลิม ซึ่ง อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา ได้พิจารณาแล้ว  เห็นว่านายเฉลิมกระทำผิดวินัยตามมาตรา 84 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 กรณีปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ เพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์ที่มีควรได้ เป็นการทุจริตต่อหน้าที่ราชการ จึงมีมติให้ลงโทษลดขั้นเงินเดือน 1 ขั้น ผู้บังคับบัญชาจึงสั่งลงโทษลดขั้นเงินเดือนนายเฉลิม 1 ขั้น และรายงาน ก.ค.ศ. เพื่อพิจารณา
สำนักงาน ก.ค.ศ. ได้นำเรื่องนี้เสนอต่อ อ.ก.ค.ศ.วิสามัญเกี่ยวกับวินัยและการออกจากราชการ (ซึ่งทำการแทน ก.ค.ศ.) พิจารณาแล้วเห็นว่า พฤติการณ์ของนายเฉลิมเป็นการกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 84 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติฯ ดังกล่าว ตามที่ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา มีมติให้ลงโทษลดขั้นเงินเดือนนายเฉลิม 1 ขั้น นั้น ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งความผิดวินัยอย่างร้ายแรงมีโทษปลดออกหรือไล่ออก ที่ประชุมจึงมีมติให้ผู้บังคับบัญชามีคำสั่งเพิ่มโทษ นายเฉลิม จากโทษลดขั้นเงินเดือน 1 ขั้น เป็นโทษไล่ออกจากราชการ ให้ถูกต้องตามกฎหมายและเหมาะสมกับกรณีความผิดต่อไป
จากกรณีที่นำมาให้ความรู้ในวันนี้ หวังว่าจะเป็นอุทาหรณ์ให้กับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาไม่ให้ประพฤติผิดวินัยได้เป็นอย่างดี ที่จะไม่หลงกระทำผิดให้เสื่อมเสียเกียรติยศศักดิ์ศรีความเป็นข้าราชการ แล้วพบกันอีกครั้งในสัปดาห์หน้า

พินิจศักดิ์  สุวรรณรังค์
เลขาธิการ ก.ค.ศ.

ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน  ฉบับวันจันทร์ ที่ 30 พฤศจิกายน 2558

เตรียมสอบผู้บริหารสถานศึกษา (รอบ 2)

การประเมินวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา

เรื่องใหม่น่าสนใจ 

- พรบ.เงินเดือนใหม่ข้าราชการครูฯ พ.ศ.2558

-ก.ค.ศ.เห็นชอบหลักเกณฑ์เลื่อนวิทยฐานะตามข้อตกลงในการพัฒนางาน (P.A.)

              ข้อสอบออนไลน์ ( สอบครู - ผู้บริหาร - บุคลากรการศึกษาชุดใหม่  โดย  อ.นิกร 




 เตรียมสอบ บน ยูทูป ทั้งหมด ได้ที่

 ติวสอบ บน ยูทูป


   คลิ๊ก ) สมัครพัฒนาความรู้
เตรียมสอบผู้บริหารสถานศึกษา (รอบ 2)

สถานี ก.ค.ศ.
การประเมินวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา

หลังจากที่ ก.ค.ศ. มีมติให้ชะลอการยื่นขอรับการประเมินตามหลักเกณฑ์และวิธีการให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามีหรือเลื่อนเป็นวิทยฐานะชำนาญการพิเศษและวิทยฐานะเชี่ยวชาญ ตามข้อตกลงในการพัฒนางาน และให้มีการตั้งคณะอนุกรรมการไปดำเนินการปรับปรุงหลักเกณฑ์ให้มีความเหมาะสม สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของรัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการ โดยมีความเคลื่อนไหวของการดำเนินการปรับปรุงหลักเกณฑ์ผ่านทางสื่อมวลชนเป็นระยะ ๆ นั้น  ปรากฏว่า ยังมีข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาหลายท่านยังคงสับสนเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การประเมินวิทยฐานะที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน หรือแม้กระทั่งคุณสมบัติของผู้ขอรับการประเมิน  ในโอกาสนี้จึงขอนำเรื่องนี้มาให้ความรู้ผ่านคอลัมน์นี้  ดังนี้
1.การขอประเมินเพื่อขอมีหรือเลื่อนวิทยฐานะ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
โดยหลักเกณฑ์ ว13/2556 กำหนดให้มีการประกาศรางวัลที่ ก.ค.ศ. รับรองเป็นรางวัลสูงสุดระดับชาติขึ้นไปก่อนที่จะมีการยื่นขอรับการประเมิน   ดังนั้น ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกท่านต้องรอการประกาศรับรองรางวัลเสียก่อน จึงจะตรวจสอบได้ว่าจะสามารถยื่นขอรับการประเมินตามหลักเกณฑ์ ว13/2556 ได้หรือไม่
2..กรณีมีข้อสอบถามมาว่า
2.1 ครูจะขอรับการประเมินเพื่อขอมีหรือเลื่อนเป็นวิทยฐานะครูเชี่ยวชาญ ซึ่ง ก.ค.ศ. กำหนดคุณสมบัติไว้ว่า ต้องดำรงตำแหน่งครูที่มีวิทยฐานะชำนาญการพิเศษ หรือดำรงตำแหน่งอื่นที่  ก.ค.ศ. เทียบเท่าอย่างใดอย่างหนึ่งหรือรวมกันมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี หรือดำรงตำแหน่งครูที่มีวิทยฐานะชำนาญการมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี นับถึงวันที่ยื่นคำขอ นั้น จะนำคุณสมบัติการดำรงตำแหน่งครูวิทยฐานะครูชำนาญการ และวิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษมารวมกันได้หรือไม่ ขอเรียนว่า หากจะยื่นขอรับการประเมินเพื่อเลื่อนเป็นวิทยฐานะครูเชี่ยวชาญ ปัจจุบันผู้เสนอขอรับการประเมินต้องดำรงตำแหน่ง ที่มีวิทยฐานะใด วิทยฐานะหนึ่ง ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด หากเคยดำรงตำแหน่งครู วิทยฐานะครูชำนาญการมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี ปัจจุบันดำรงตำแหน่งครู วิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ 2 ปี  จะนำเอาการดำรงตำแหน่งในวิทยฐานะชำนาญการมานับรวมไม่ได้
2.2 หากจะขอรับการประเมินตามหลักเกณฑ์ ว17/2552 ผู้เสนอขอรับการประเมินต้องได้รับรางวัลสูงสุดระดับชาติขึ้นไป คณะกรรมการจึงจะพิจารณาประเมินผลงานทางวิชาการให้นั้น ขอเรียนว่า การขอรับการประเมินตามหลักเกณฑ์ ว17/2552 คณะกรรมการจะพิจารณาจากผลการปฏิบัติงานในหน้าที่ และผลงานทางวิชาการที่มาจากการศึกษา ค้นคว้า หรืองานวิจัยที่ผู้ขอรับการประเมินได้จัดทำขึ้นเพื่อพัฒนาการจัดการเรียนการสอน ไม่ได้พิจารณารางวัลระดับชาติ


จากกรณีข้อคำถามตามตัวอย่างข้างต้น เป็นกรณีที่เกิดขึ้นจริง ที่ได้มีการสอบถามเข้ามายังสำนักงาน ก.ค.ศ. ซึ่งถือเป็นโอกาสดีที่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาหลายๆ ท่าน จะได้รับทราบข้อมูลไปพร้อมกัน และหากท่านมีข้อสงสัยประการใดสามารถสอบถามเข้ามายังสำนักงาน ก.ค.ศ. ได้โดยผ่านทาง Facebook สำนักงาน ก.ค.ศ. หรือโทรศัพท์หมายเลข 02 280 2835 ในวันและเวลาราชการ


พินิจศักดิ์  สุวรรณรังค์

เลขาธิการ ก.ค.ศ. 


ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันจันทร์ ที่ 23 พฤศจิกายน 2558 

เตรียมสอบผู้บริหารสถานศึกษา (รอบ 2)

การจัดสรรคืนอัตราว่างข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา

เรื่องใหม่น่าสนใจ 

- พรบ.เงินเดือนใหม่ข้าราชการครูฯ พ.ศ.2558

-ก.ค.ศ.เห็นชอบหลักเกณฑ์เลื่อนวิทยฐานะตามข้อตกลงในการพัฒนางาน (P.A.)

              ข้อสอบออนไลน์ ( สอบครู - ผู้บริหาร - บุคลากรการศึกษาชุดใหม่  โดย  อ.นิกร 




 เตรียมสอบ บน ยูทูป ทั้งหมด ได้ที่

 ติวสอบ บน ยูทูป


   คลิ๊ก ) สมัครพัฒนาความรู้
เตรียมสอบผู้บริหารสถานศึกษา (รอบ 2)

สถานี ก.ค.ศ.
การจัดสรรคืนอัตราว่างข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
จากผลการเกษียณอายุราชการ  เมื่อสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2558
                    
          ตามที่คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) มอบอำนาจองค์กรกลางบริหารงานทรัพยากรบุคคล (ก.ค.ศ.) ในการพิจารณาจัดสรรอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุราชการของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พิจารณาเกลี่ยอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุราชการในแต่ละปีงบประมาณ ให้แก่หน่วยงานในสังกัดองค์กรกลางบริหารทรัพยากรบุคคล (ก.ค.ศ.) ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ คปร. กำหนด และรายงานผลการดำเนินการให้ คปร.ทราบ ภายใน 30 วันทำการ นับแต่ ก.ค.ศ. มีมติ ก.ค.ศ. ในคราวประชุมครั้งที่ 11/2558 เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2558ได้พิจารณาแล้ว มีมติอนุมัติจัดสรรอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุราชการของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เมื่อสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ให้แก่ส่วนราชการต่างๆ ในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ รวม 19,018 อัตรา แยกตามสังกัด ดังนี้
1) สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สถาบันวิทยาลัยชุมชน) จำนวน 4 อัตรา  
2) สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ จำนวน 4 อัตรา
3) สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) จำนวน  78 อัตรา
4) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา จำนวน 582 อัตรา
5) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 18,332 อัตรา
6)สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ จำนวน 18 อัตรา
          ทั้งนี้ การอนุมัติจัดสรรคืนอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุราชการ ให้ส่วนราชการดำเนินการเกลี่ยอัตรากำลังที่ได้รับอนุมัติไปกำหนดตำแหน่งในหน่วยงานการศึกษาตามหลักเกณฑ์ ดังนี้
1.ตำแหน่งที่กำหนดจะต้องมีจำนวนและประเภทตำแหน่งตามที่ ก.ค.ศ. อนุมัติ
2.ให้กำหนดตำแหน่งในหน่วยงานการศึกษาที่มีอัตรากำลังไม่เกินกรอบอัตรากำลังหรือเกณฑ์มาตรฐานอัตรากำลังที่ ก.ค.ศ. กำหนด และเงื่อนไขที่ คปร. กำหนด โดยเคร่งครัด
          หลังจากนี้ส่วนราชการต่าง ๆ จะได้นำอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุราชการไปดำเนินการสรรหาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาเพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนอัตรากำลังต่อไป 

พินิจศักดิ์  สุวรรณรังค์
เลขาธิการ ก.ค.ศ. 

  ที่มา : มติชน ฉบับวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

   คลิ๊ก ) สมัครพัฒนาความรู้

เตรียมสอบผู้บริหารสถานศึกษา (รอบ 2)

กฎ/ระเบียบ/เรื่องใหม่ จาก สพร.

ประกาศ / เรื่องใหม่ จาก สพป.และ สพม.ทั่วประเทศ